ดอกเบี้ยเงินกู้ เรื่องสำคัญที่คนกู้ต้องรู้

06/12/2566
สินเชื่อน่ารู้

ไม่ว่าคุณกำลังวางแผนที่จะซื้อบ้าน หรือกำลังมีความคิดต้องการกู้สินเชื่อส่วนบุคคล อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคล หรือดอกเบี้ยเงินกู้ เป็นเรื่องสำคัญที่ผู้กู้ต้องทำความเข้าใจเป็นอย่างมาก รวมไปถึงการรู้จักประเภทของดอกเบี้ย สินเชื่อส่วนบุคคล เพื่อเข้าใจถึงความหมายและช่วยให้สามารถปลดหนี้ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเลือกอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมมากที่สุด บทความนี้จะพาไปดูกันว่าดอกเบี้ยเงินกู้คืออะไร และรวมทุกเรื่องราวที่ควรรู้เกี่ยวกับดอกเบี้ยเงินกู้

ดอกเบี้ยเงินกู้

ดอกเบี้ยเงินกู้ คืออะไร

ดอกเบี้ยเงินกู้ คือผลตอบแทนที่ผู้ให้กู้เรียกเก็บจากผู้ขอกู้ โดยอัตราของดอกเงินกู้มักอยู่ในลักษณะร้อยละต่อปี ขึ้นอยู่กับข้อตกลงร่วมในครั้งแรกระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ ซึ่งผู้ที่ให้กู้ เช่น ธนาคาร หรือสถาบันการเงินจะเรียกเก็บจากผู้กู้เพื่อเป็นผลตอบแทนจากการที่ให้กู้ จึงทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภท และหลายอัตรา แต่โดยทั่วไปแล้วจะขึ้นอยู่กับประเภทของเงินกู้หรือสินเชื่อ ซึ่งผู้ที่ให้กู้ในที่นี้หมายถึงสถาบันการเงิน และผู้ประกอบการธุรกิจการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร หรือ Non-Bank

ดอกเบี้ยเงินกู้มีกี่ประเภท

สำหรับดอกเบี้ยเงินกู้เป็นผลตอบแทนที่ผู้กู้เรียกเก็บจากผู้ที่ขอกู้ จึงทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เรียกเก็บจะมีความแตกต่างกันไปตามประเภทสินเชื่อจากผู้ให้กู้ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สามารถแบ่งออกเป็นได้ 2 ประเภท ดังนี้

อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ หรือ Fixed Rate

เป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ถูกกำหนดเอาไว้ตายตัว โดยจะไม่มีการปรับขึ้นหรือปรับลงตามต้นทุนของธนาคาร จึงมีความคงที่ตลอดอายุการทำสัญญาหรือตามช่วงเวลาที่ได้ตกลงกัน เช่น ธนาคารหรือสถาบันการเงินกำหนดดอกเบี้ยไว้ที่ ร้อยละ 7 ต่อปี และมีการกำหนดระยะเวลาในการผ่อนชำระคืน 10 ปี เป็นต้น

อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว หรือ Floating Rate

เป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่มีความผันผวน สามารถปรับขึ้นและปรับลงได้ตามต้นทุนและผลกำไรของธนาคารหรือสถาบันการเงิน โดยที่ทางผู้ให้กู้จะประกาศออกมาเป็นระยะ เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้อ้างอิงจากธนาคารทั่วไป โดยใช้ตัวย่อภาษาอังกฤษเป็นสัญลักษณ์สากล เช่น MLR, MOR และ MRR เป็นต้น

ตัวย่ออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR, MOR และ MRR คืออะไร

หลังจากที่ได้รู้กันไปแล้วว่าดอกเบี้ยเงินกู้คืออะไร และดอกเบี้ยเงินกู้มีกี่ประเภท ต่อมาเป็นเรื่องของตัวอักษรย่อของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว ซึ่งมีทั้ง MLR, MOR และ MRR โดยแต่ละคำมีความหมาย ดังนี้

อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR หรือ Minimum Loan Rate

เป็นอัตราดอกเบี้ยที่ทางธนาคารหรือสถาบันการเงินเรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ที่ถูกจัดไว้ให้เป็นลูกค้าเกรดดี เช่น มีประวัติการเงินที่ดี ไม่มีความเสี่ยงต่อการล้มละลาย มีหลักทรัพย์เพียงพอในการค้ำประกัน และมีความมั่นคงในธุรกิจ เป็นต้น โดยส่วนใหญ่แล้วมักใช้กับสินเชื่อระยะยาวที่มีระยะเวลาในการผ่อนชำระตายตัว เช่น สินเชื่อเพื่อประกอบธุรกิจ เป็นต้น

อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MOR หรือ Minimum Overdraft Rate

เป็นอัตราดอกเบี้ยที่ทางธนาคารเรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี แต่มีการขอกู้วงเงินเกินบัญชี ดอกเบี้ยประเภทนี้จะคิดให้ก็ต่อเมื่อลูกค้ามีประวัติการชำระเงินในรอบก่อนอย่างสม่ำเสมอ และมีความมั่นคง แต่ธนาคารจะทำการพิจารณาถึงความเสี่ยงอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าจะเป็นลูกค้าชั้นดีก็ตาม

อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR หรือ Minimum Retail Rate

เป็นอัตราดอกเบี้ยธนาคารเรียกเก็บจากลูกรายย่อยชั้นดี เช่น สินเชื่อบ้านและที่อยู่อาศัย สินเชื่อส่วนบุคคล เป็นต้น โดยในกรณีนี้ทางธนาคารจะใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบลูกค้านานพอสมควร เพื่อทำการตรวจสอบประวัติการชำระหนี้ ความมั่นคงทางอาชีพ หรือความมั่นคงทางการเงิน เป็นต้น เพื่อพิจารณาศักยภาพของลูกค้าในการชำระคืนภายในอนาคต

ดอกเบี้ยเงินกู้

วิธีคิดดอกเบี้ยเงินกู้มีกี่แบบ?

สำหรับเรื่องของวิธีการคิดดอกเบี้ยเงินกู้ เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่มีความสำคัญและผู้กู้ควรต้องรู้ก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อที่จะได้ทำการวางแผนการเงินในการชำระหนี้ได้อย่างถูกต้องในแบบที่ควร โดยทั่วไปแล้ววิธีการคิดดอกเบี้ยเงินกู้ถูกแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ดอกเบี้ยคงที่ กับ ลดต้นลดดอก

ดอกเบี้ยคงที่

สำหรับการคิดดอกเบี้ยเงินกู้แบบเงินต้นคงที่ เป็นการคิดดอกเบี้ยจากยอดเงินทั้งหมดของผู้กู้ให้มีความคงที่ตลอดอายุของสัญญา ถึงแม้ว่าจะมีการผ่อนไปบ้างแล้วแต่ดอกเบี้ยก็จะไม่ลดลงตามเงินต้น โดยตัวอย่างวิธีคิดดอกเบี้ยต่อเดือนคงที่ เช่น

  • กู้เงินมาจำนวน 15,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ระยะเวลาผ่อน 12 เดือน ดอกเบี้ยต่อปีเท่ากับ 15,000 x 15% = 2,250 บาท
  • นำดอกเบี้ยต่อปีรวมกับจำนวนเงินที่กู้มา คือ 15,000 + 2,250 = 17,250 บาท
  • นำยอดทั้งหมดหารด้วยระยะเวลาผ่อนจะได้เงินที่ต้องจ่ายคืนเจ้าหนี้ทั้งหมดต่อเดือน คือ 17,250 ÷ 12 = 1,437.5 บาท

ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก

ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก คือ เจ้าหนี้จะคิดดอกเบี้ยตามยอดหนี้ที่เหลือในแต่ละเดือน เช่น กู้เงินมาเป็นจำนวน 15,000 บาท เดือนแรกจะคิดดอกเบี้ยจากยอดเงิน 15,000 บาท และเดือนแรกจ่ายไป 1,500 บาท เดือนถัดไปจะคิดดอกเบี้ยจากเงินต้นที่คงเหลือ ซึ่งต่างจากการคิดดอกเบี้ยคงที่ โดยตัวอย่างการคิดดอกเบี้ยลดต้นลดดอก เช่น

  • กู้เงินมาเป็นจำนวน 15,000 บาท ดอกเบี้ยลดต้นลดดอกร้อยละ 15 ต่อปี ระยะเวลาผ่อน 12 เดือน เจ้าหนี้จะคำนวณให้ผ่อนเดือนละประมาณ 1,360 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 16,320 บาท เท่ากับว่าจะจ่ายถูกกว่าดอกเบี้ยคงที่
  • หากผู้กู้มีเงินก้อนและต้องการโปะหนี้ทั้งหมดก็จะทำให้ดอกเบี้ยลดลงได้ จากเดิมยอดที่ต้องจ่ายทั้งหมด 16,320 บาท อาจเหลือแค่ 16,000 บาท

ดอกเบี้ยเงินกู้

สรุปบทความดอกเบี้ยเงินกู้

สุดท้ายนี้ จะเห็นได้ว่าเรื่องของดอกเบี้ยเงินกู้เป็นเรื่องที่มีความสำคัญและแอบซ่อนรายละเอียดยิบย่อยอีกเป็นจำนวนมาก ผู้ที่ต้องการกู้เงินจึงต้องทำการศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนที่จะทำการกู้เงินหรือขอสินเชื่อส่วนบุคคลต่าง ๆ เพื่อสร้างความปลอดภัยและคุ้มครองประโยชน์สูงสุดแก่ตนเองให้ได้มากที่สุด

Tags: ดอกเบี้ยเงินกู้ อัตราดอกเบี้ย

พร้อมรู้กับพรอมิส