5 เคล็ดลับ เรียนภาษาอังกฤษให้ฟังได้ พูดคล่อง
ทุกวันนี้ใครที่พูดภาษาอังกฤษได้ไม่ใช่แค่ได้เปรียบคนอื่นอีกแล้ว แต่เริ่มจะกลายเป็นความจำเป็นที่จะทำให้เราสามารถตามคนอื่นและตามโลกได้ทัน ไม่ว่าจะเป็นการติดตามข่าวสาร การทำงาน หรือการตามติ่งศิลปินที่ชื่นชอบ ใครที่ไม่เป็นภาษาอังกฤษก็จะเข้าถึงข้อมูลที่มีอยู่อย่างมหาศาลได้ไม่เท่ากับคนอื่น แต่ว่า…ใครที่เรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เล็กจนโตก็ยังฟังไม่ได้ พูดไม่คล่อง ในบทความนี้จะแนะนำ 5 เคล็ดลับที่จะทำให้การเรียนภาษาอังกฤษได้ผลและอัพสกิลได้มากกว่าที่เคยเป็นมา
1. ฟังและพูด มาก่อน อ่านและเขียน
ลองสังเกตดูว่า เด็กเล็กๆ เวลาเริ่มต้นเรียนรู้ภาษาไทยหรือภาษาใดๆ ก็จะเริ่มต้นด้วยการฟังสิ่งที่พ่อแม่พูดแล้วค่อยๆ พูดตาม จากนั้นจึงเริ่มสนทนาได้ พอโตขึ้นมาก็จึงค่อยเริ่มเรียนอ่านและเขียนทีหลัง การเรียนภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างประเทศอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน เราก็ควรต้องพยายามรับสารให้ได้มากๆ หัดฟังจากสื่อต่างๆ เริ่มจากคลิปสอนภาษาง่ายๆ ใน YouTube หรือหนัง-ละครที่เป็นเนื้อหาในชีวิตประจำวัน หรือจะเป็นสื่ออะไรก็ได้ที่เราสนใจ ก็จะทำให้เราใช้เวลากับสื่อนั้นได้นาน ไม่เบื่อหน่าย
เมื่อได้ลองฟังบ่อยๆ ซ้ำๆ เราก็จะเริ่มเคยชินกับสำเนียงมากขึ้น จากนั้นค่อยๆ พยายามลองพูดตาม และทำความเข้าใจในความหมายของบทสนทนา ลองพลิกแพลง เปลี่ยนคำพูด ก็จะทำให้เราเริ่มพูดได้ในสถานการณ์ที่เราเคยฟังมาแล้ว สำหรับการอ่านและการเขียนแม้จะเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน แต่เราสามารถมาเรียนรู้และฝึกฝนภายหลังได้ การให้ความสำคัญกับการฟังและการพูดก่อน จะทำให้เราเริ่มต้นสนทนาได้เร็วกว่า
2. ลองใช้เทคนิค Shadowing
คำว่า “Shadow” แปลว่า “เงา” เทคนิค “Shadowing” ก็คือการพูดตามเสียงที่เราได้ยินทันทีเหมือนกับเป็นเงาตามไป วิธีนี้อาจจะไม่ได้เน้นที่การทำความเข้าใจความหมายของบทสนทนาเป็นหลัก แต่เป็นการฝึกการฟังและการพูด รวมทั้งยังเป็นการปรับให้เราคุ้นชินกับสำเนียง โทนเสียง และน้ำเสียงของเจ้าของภาษา เมื่อเราพยายามพูดตามโดยฝึกบ่อยๆ ก็จะทำให้เราสามารถอัพสกิลการออกเสียงได้ดีขึ้นและใกล้เคียงกับเจ้าของภาษามากขึ้นด้วย
อีกผลพลอยได้หนึ่งของการฝึกด้วยวิธีนี้ก็คือเราจะได้คลังคำศัพท์ที่เพิ่มมากขึ้นและได้ฝึกพูดรูปประโยคที่เจ้าของภาษาพูดจริงๆ ก็จะทำให้เราเลือกใช้คำและรูปประโยคที่เป็นธรรมชาติได้มากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามไม่ต้องกังวลว่าจะเหนื่อยเกินไปจนทนไม่ไหว เพราะการฝึกด้วยเทคนิค “Shadowing” นั้น เพียงแค่วันละ 10-15 นาทีก็เพียงพอแล้ว
3. พยายามลองคิด ลองพูด ลองทำทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษ
แน่นอนว่าภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแม่ของเรา ทำยังไงก็ยากที่จะพูดได้คล่องเหมือนภาษาไทยได้ แต่ถ้าอยากอัพสกิลให้เก่งขึ้น ต้องพยายามคิดหรือทำอะไรก็ตามในชีวิตประจำวันเป็นภาษาอังกฤษให้มากขึ้น เริ่มต้นง่ายๆ จากการพยายามทำทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษเท่าที่จะเป็นไปได้ เช่น ตั้งค่าโทรศัพท์เป็นภาษาอังกฤษ ลองจดโน้ต ลองคิดหรือพูดกับตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ เมื่อเราได้ลองนำภาษามาใช้จริงบ่อยๆ ก็จะเป็นการฝึกการใช้คำศัพท์และรูปประโยคต่างๆ ไปในตัว
4. หาโอกาสสนทนากับชาวต่างชาติบ่อยๆ
หลังจากได้ลองคิด ลองพูดกับตัวเองเป็นภาษาอังกฤษแล้ว หลายคนก็อาจจะเริ่มเบื่อ เพราะฉะนั้นเราควรจะหาโอกาสที่จะพาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่ได้ใช้ภาษาอังกฤษจริงๆ อาจจะหาเพื่อนผ่านทางออนไลน์ หรือลองไปพบคนต่างชาติจริงๆ ตามย่านที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ชาวต่างชาติหลายๆ ชาติก็ค่อนข้างเป็นมิตรที่จะพูดคุยสนทนากับคนแปลกหน้า ไม่แน่ว่าเราอาจจะได้เพื่อนใหม่อีกด้วย
นอกจากนี้ถ้าพบชาวต่างชาติกำลังต้องการความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะหลงทาง หรือขึ้นรถไม่ถูก เราก็อย่ากลัวที่จะไปเสนอตัวช่วยเหลือ นอกจากจะได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษแล้ว ยังได้แสดงความเป็นมิตรของคนไทย และเป็นเจ้าบ้านที่ดีให้กับนักท่องเที่ยวได้อีกด้วย
5. เรียนภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษา
หากต้องการเรียนภาษาอังกฤษเก่งแบบก้าวกระโดด การเรียนด้วยตัวเองอาจไม่เพียงพอถ้าเราอยากอัพสกิลให้ได้ในระดับใช้ภาษาอังกฤษให้ได้แบบมืออาชีพ แน่นอนว่าการเรียนภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษาตามโรงเรียนสอนภาษานั้น จะช่วยให้เราได้เรียนรู้ภาษาในรูปแบบที่ถูกต้อง ถูกหลัก และได้เรียนภาษาอังกฤษกับครูที่มีประสบการณ์การสอนภาษาให้กับคนต่างชาติ อีกทั้งเราจะยังได้เรียนรู้ไวยากรณ์ ฝึกการเขียนและการอ่านจากตำราหรือสื่อการสอนอื่นๆ ที่เราอาจศึกษาด้วยตัวเองไม่ได้หรือไม่เพียงพอ
แต่จะเรียนภาษาอัพสกิลทั้งทีก็อาจจะต้องใช้เงิน หากใครติดปัญหาด้านการเงิน ต้องการสินเชื่อส่วนบุคคลเข้ามาเป็นตัวช่วยในการบริหารจัดการในแต่ละเดือน สินเชื่อส่วนบุคคลพรอมิสพร้อมช่วยคุณ สมัครง่าย อนุมัติไวใน 1 ชั่วโมง* รับวงเงินสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท* ไม่ว่าฝันของคุณจะใหญ่แค่ไหน พรอมิสพร้อมเคียงข้างคุณทุกก้าวเดิน สมัครสินเชื่อส่วนบุคคล คลิกเลย!
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ และธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
*กรุณาศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ก่อนการสมัคร
*หากยื่นเอกสารครบถ้วนภายใน 18.00 น. และไม่มีเหตุขัดข้องด้านเอกสาร หรือระบบ จะสามารถอนุมัติได้ภายใน 1 ชั่วโมง หรือภายในวันถัดไป
แหล่งอ้างอิง
https://www.dek-d.com/teentrends/60728/