7 เทคนิคการเลือกและการดูแลกระเป๋าสตางค์

22/03/2567
ไลฟ์สไตล์

7 เทคนิคเรียกทรัพย์ด้วยกระเป๋าสตางค์
เชื่อว่าหลาย ๆ คน คงเคยได้ยินการเลือกกระเป๋าสตางค์เพื่อเรียกทรัพย์หรือช่วยให้ทรัพย์งอกเงยขึ้น ซึ่งจะออกไปทางสายมูอะไรแบบนั้น วันนี้สินเชื่อส่วนบุคคลพรอมิสจะมาแชร์การเลือกกระเป๋าสตางค์และการปฏิบัติต่อกระเป๋าสตางค์และเงินของเราให้เรามั่งคั่งขึ้น ซึ่งบอกไว้ก่อนเลยว่า ไม่เกี่ยวกับสายมูใด ๆ นะจ๊ะ แต่เป็นวิธีการที่ได้มาจากการสังเกตของคุณ คะเมะดะ จุนอิชิโร เจ้าของหนังสือขายดี "ชีวิตมั่งคั่งด้วยกระเป๋าสตางค์ใบเดียว" ซึ่งคุณคะเมะดะเป็นผู้สอบบัญชีภาษีให้กับธุรกิจต่าง ๆ ได้พบเจอกับนักธุรกิจมากมาย และได้สังเกตว่านักธุรกิจที่หาเงินเก่ง ร่ำรวย จะมีจุดร่วมบางอย่างที่เหมือนกัน ซึ่งสินเชื่อส่วนบุคคลพรอมิสได้คัดมาแต่เฉพาะที่ปรับใช้กับคนไทยได้จริง ๆ จุดร่วมเหล่านั้นมีอะไรบ้างที่เราสามารถนำมาปรับใช้ได้ เพื่อให้มีชีวิตที่มั่งคั่งมาดูกันเลย

1. เงินนั้นเป็นสิ่งที่มีชีวิต และต้องการได้รับการเอาใจใส่

กระเป๋าสตางค์เป็นมากกว่าแค่อุปกรณ์เก็บเงิน มันคือ บ้านของเงิน ซึ่งสามารถสะท้อนถึงความใส่ใจของเราที่มีต่อเงิน เงินจะวิ่งเข้าหาคนที่เอาใจใส่มันเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นคนรวยบางคนมองว่าอยู่กับเงินก็เหมือนอยู่กับคน และเงินกำลังมองว่าตัวเองได้รับการปฏิบัติเช่นไร ควรกลับมาหาคน ๆ นี้หรือไม่

2. คนหาเงินเก่งมักใช้กระเป๋าสตางค์แบบยาว

เหตุผลก็คือ เราไม่ควรพับเงิน เพราะจะทำให้เงินมีรอยพับหรือรอยยับ ซึ่งจะทำให้เงินไม่สวย ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้เขียนสังเกตว่านักธุรกิจที่หาเงินเก่งมักจะใส่ใจกับเรื่องนี้ แล้วทำไมเราจะไม่ลองมั่งล่ะ? 

3. คนหาเงินเก่งไม่ปล่อยให้กระเป๋าสตางค์อ้วน

กระเป๋าสตางค์อ้วน ไม่ได้หมายถึงกระเป๋าสตางค์ที่อ้วนเพราะเงิน แต่หมายถึงกระเป๋าสตางค์ที่เต็มไปด้วย ใบเสร็จ, บัตรสะสมแต้ม, บัตรส่วนลด หรือสิทธิ์แลกซื้อต่าง ๆ นา ๆ อันนี้สอดคล้องกับเรื่องความสวยงามและทำให้เงินมีพื้นที่ที่น่าอยู่สะอาดตา 

 

วิธีที่ดีที่สุดในการลดความอ้วนของกระเป๋า คือ ควรจัดระเบียบกระเป๋าทุกวันแบบ “วัน เดย์ เคลียริ่ง” เริ่มจาก ทิ้งใบเสร็จที่ไม่จำเป็น นำใบเสร็จที่สำคัญไปใส่แฟ้มหรือที่สำหรับจัดเก็บใบเสร็จโดยเฉพาะเพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาภายหลัง ทิ้งบัตรสะสมแต้มต่าง ๆ จัดเรียงธนบัตรให้สวยงาม เช็ดทำความสะอาด เตรียมกระเป๋าให้พร้อมสำหรับการเริ่มต้นวันใหม่ที่สดใส การทำเช่นนี้ จะช่วยให้เรารู้ว่า ในแต่ละวัน เราใช้เงินไปเท่าไหร่ คงเหลือเท่าไหร่ ซื้ออะไรที่จำเป็นหรือไม่จำเป็นไปบ้าง ทำให้เราค่อย ๆ วางแผนการใช้เงินได้ดียิ่งขึ้นโดยธรรมชาติ


นอกจากนี้ บัตรสะสมแต้ม บัตรส่วนลด สิทธิแลกซื้อต่าง ๆ คือรอยรั่วของเงิน ทำให้เราหน้ามืดซื้อของที่ไม่จำเป็นเนื่องจากต้องการจะใช้สิทธิ หรือเพียงเพราะอยากใช้แต้ม ทำให้เราสูญเสียการควบคุมวิธีใช้เงินของตนเอง อาจจะมีข้อยกเว้นได้บ้างเช่น บัตรของร้านที่เราใช้ประจำ เพราะสินค้าหรือบริการอยู่ในระดับที่เราพึงพอใจ ไม่ใช่เพราะเรื่องราคา

4. คนหาเงินเก่งมักประหยัดด้วยการซื้อของแพง

การใช้ของราคาแพงนั้นจะทำให้เราใช้ของอย่างทะนุถนอม การใช้ของราคาแพงเพื่อป้องกันการใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย รวมถึงการเลือกซื้อของที่ต้องใช้นาน ๆ ก็ควรเลือกที่คุณภาพ ความคุ้มค่า มากกว่าราคาถูก เป็นการบ่มเพาะนิสัยที่จะมองถึงอนาคตมากกว่ามองแค่การใช้งานระยะสั้น ๆ ด้วย บ่อยครั้งที่บ้านของคนไม่มีตังค์มีจำนวนข้าวของเครื่องใช้ (ครึ่ง ๆ กลาง ๆ) อยู่เต็มบ้านมากกว่าบ้านของคนมีตังค์เสียอีก

5. คนหาเงินเก่งจะจำแนกเงินที่ใช้จ่าย ออกเป็น 3 ประเภท

  • วิธีใช้จ่ายแบบบริโภค คือ เงินที่ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เพื่อการดำรงชีพ
  • วิธีใช้จ่ายแบบการลงทุน คือ การใช้จ่ายเพื่อให้มีหลักประกันอะไรบางอย่างในอนาคต
  • วิธีใช้จ่ายแบบผลาญ คือ การใช้จ่ายเรื่อยๆ โดยไม่คิดอะไร และไม่ได้อะไรเลย ไม่เกิดมูลค่าในอนาคต

ทุกครั้งที่จะควักเงินออกไปจ่าย ให้ตอบคำถามตนเองว่า นี่เป็นค่าใช้จ่ายประเภทใด แล้วเราจะมีการใช้จ่ายในข้อสุดท้ายลดลงเอง

6. คนหาเงินเก่งชอบเปลี่ยนการบริโภค ให้เป็นการลงทุน

การลงทุน หมายถึง การสร้างคุณค่าในอนาคต ซึ่งก็คือให้สิ่งที่เราบริโภคนั้น ทำให้เกิดคุณค่ามากขึ้นในอนาคต เช่น การทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ แม้ราคาอาหารมักจะแพงกว่าอาหารทั่วไป ก็เป็นการลงทุนต่ออนาคตชนิดหนึ่ง การซื้อหนังสืออ่าน ก็เป็นการลงทุนเพื่อเสริมศักยภาพตนเอง เราควรหมั่นเจียดเงินไปใช้ในการลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะการลงทุนก็คือ งานต่อจิ๊กซอว์ขนาดใหญ่ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการสร้าง ยิ่งยาวนานยิ่งเห็นผล และยิ่งเป้าหมายเราชัดเจน ก็ยิ่งสามารถไปถึงความฝันได้เร็วยิ่งขึ้น

7. คนหาเงินเก่งจะระวังทางออกของเงิน มากกว่าทางเข้า

รายได้เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ แต่รายจ่ายเราควบคุมได้ทั้งหมด ซึ่งทางเข้าของเงินของคนส่วนใหญ่มักมีไม่กี่ทาง แต่ทางออกของเงินนั้น มีมากมายหลายทาง รวมถึงโดยธรรมชาติเมื่อเรามีรายได้เพิ่มก็มักจะมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นมาเป็นเงาตามตัวตามกิเลส ดังนั้น สิ่งสำคัญในการเก็บเงิน จึงอยู่ที่การควบคุมรายจ่าย มากกว่าการหารายได้มาเพิ่ม


สุดท้ายนี้ขอสรุปความแตกต่างระหว่างคนเก็บเงินอยู่ กับคนเก็บเงินไม่อยู่ คือ “ความใส่ใจต่อเงิน และความสามารถในการควบคุมวิธีใช้เงินที่แตกต่างกัน”
จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดในการเรียนรู้วิธีการใช้เงิน คือ “การเอาใจใส่ต่อเงิน” จงปฏิบัติต่อเงินเสมือนเป็นสิ่งมีชีวิต ใช้เงินอย่างทะนุถนอม เมื่อปฏิบัติต่อเงินอย่างดี เงินจะอยากมาอยู่กับคุณ และคนเก็บเงินอยู่ จะรู้ว่ามีรายรับ รายจ่ายและเงินใช้ได้จริง ๆ เท่าไหร่ ควรเก็บเท่าไหร่เพื่อลงทุนและเตรียมความพร้อมอยู่เสมอ


ทั้งนี้ไม่ว่าเราจะเก็บเงินเตรียมความพร้อมสักแค่ไหน ก็มีโอกาสที่เราจะเจอปัญหาที่มากกว่าความพร้อมของเราได้อยู่ดี หากมีเรื่องจำเป็นต้องใช้เงินสินเชื่อส่วนบุคคลพรอมิสพร้อมดูแลคุณ สมัครเลย>>> https://www.promise.co.th/application.html


หรือสมัครผ่านแอปพลิเคชันได้ที่ลิ้งด้านล่าง 👇👇👇

ระบบปฏิบัติการ iOS: https://bit.ly/PROMISEAppiOS
ระบบปฏิบัติการ Android : https://bit.ly/PROMISEAppAndroid

 

แหล่งอ้างอิง
หนังสือ “ชีวิตมั่งคั่งด้วยกระเป๋าสตางค์ใบเดียว” โดย คะเมะดะ จุนอิชิโร


กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
ดอกเบี้ย 15%-25% ต่อปี
*กรุณาศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ก่อนการสมัครที่ promise.co.th
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ และธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
*หากยื่นเอกสารครบถ้วนภายใน 18.00 น. และไม่มีเหตุขัดข้องด้านเอกสาร หรือระบบ จะสามารถอนุมัติได้ภายใน 1 ชั่วโมง หรือภายในวันถัดไป

Tags: เทคนิคบริหารเงิน กระเป๋าเรียกทรัพย์ สมัครสินเชื่อ แอปกู้เงิน

พร้อมรู้กับพรอมิส