ข้าพเจ้าผู้มีชื่อปรากฏและลงลายมือชื่ออยู่ด้านหน้าของสัญญาฉบับนี้ (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ผู้กู้”) ขอให้คำมั่นต่อ บริษัท พรอมิส (ประเทศไทย) จำกัด (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ผู้ให้กู้”) ว่า ผู้กู้ตกลงยินยอมปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขดังต่อไปนี้
-
ตามข้อกำหนดสัญญาสินเชื่อหมุนเวียนทั่วไปของบริษัท พรอมิส (ประเทศไทย) จำกัด (ต่อไปเรียกว่า “ข้อกำหนด”) สัญญาสินเชื่อหมุนเวียนทั่วไป (ต่อไปเรียกว่า “สัญญาฉบับนี้”) จะมีผลบริบูรณ์ เมื่อบริษัท พรอมิส (ประเทศไทย) จำกัด (ต่อไปเรียกว่า “บริษัท”) ได้อนุมัติคำขอสินเชื่อของบุคคลที่ได้ลงนาม (ต่อไปเรียกว่า “ลูกค้า”) ในใบสมัครและสัญญาสินเชื่อหมุนเวียนทั่วไป (ต่อไปเรียกว่า “ใบสมัคร/หนังสือสัญญา”)
-
บริษัทจะพิจารณาให้วงเงินสินเชื่อโดยดุลยพินิจของตนเองเมื่อบริษัทอนุมัติคำขอสินเชื่อของลูกค้า บริษัทจะต้องแจ้งลูกค้าให้ทราบถึงวงเงินสินเชื่อของลูกค้าโดยแจ้งเป็นหนังสือ โทรศัพท์ หรือแจ้งด้วยวิธีการอื่นใดที่บริษัทจะกำหนด
-
ลูกค้าสามารถขอใช้สินเชื่อหลายครั้งภายในวงเงินสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติ โดยขอเบิกสินเชื่อจากเงินโอนผ่านธนาคารหรือวิธีการอื่นใดที่บริษัทกำหนด บริษัทอาจระงับสินเชื่อทั้งหมดหรือบางส่วนภายในระยะเวลาอันสมควรที่บริษัทจะพิจารณากำหนดโดยไม่ต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้า หากลูกค้าไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขใดๆ ที่ระบุนี้ หรือเมื่อบริษัทพิจารณาว่ามีความจำเป็นที่จะต้องปกป้องสิทธิประโยชน์ของบริษัท หากผลการตรวจสอบความน่าเชื่อถือทางด้านสินเชื่อของลูกค้าลดน้อยลง ลูกค้าจะต้องกรอก/ลงนามและยื่นเอกสารตามที่บริษัทต้องการเมื่อลูกค้าประสงค์จะเพิ่มวงเงินสินเชื่อ
-
ลูกค้าจะต้องชำระเงินต้น ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงินและค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จำเป็นต้องจ่ายให้แก่บริษัทตามข้อกำหนดนี้ ลูกค้าต้องชำระให้บริษัทไม่น้อยกว่าจำนวนขั้นต่ำที่ระบุในใบสมัคร/หนังสือสัญญา ตามกำหนดวันชำระรายเดือนที่บริษัทและลูกค้าตกลงร่วมกันโดยชำระที่เคาน์เตอร์ธนาคาร จุดบริการรับชำระเงินของคู่ค้าของบริษัท ทางไปรษณีย์ จากการหักบัญชีธนาคาร หรือวิธีการอื่นใดที่บริษัทกำหนด ลูกค้าจะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการชำระสินเชื่อตามที่ระบุในข้อกำหนดนี้ เมื่อลูกค้าชำระที่เคาน์เตอร์ธนาคาร จุดบริการรับชำระเงินของคู่ค้าของบริษัท ทางไปรษณีย์ หรือหักบัญชีธนาคาร (ต่อไปนี้เรียกว่า “หน่วยงานภายนอก”) ลูกค้าต้องชำระภายในเวลาทำการ หรือเวลาให้บริการของสำนักงาน/หน่วยงานภายนอกที่รับชำระเงินนั้น
-
บริษัทจะนำเงินที่ได้รับชำระจากลูกค้าไปหักชำระหนี้ตามลำดับ ดังต่อไปนี้ (ก) ค่าใช้จ่ายต่างๆ (ข) ค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้ที่ค้างชำระ (ค) ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงินที่ค้างชำระ (ง) ดอกเบี้ยที่ค้างชำระ (จ) ค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้ (ฉ) ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน (ช) ดอกเบี้ย และ (ซ) เงินต้น
-
ลูกค้าสามารถขอชำระคืนเงินต้นคงค้างทั้งหมด หรือบางส่วน ก่อนถึงวันที่กำหนดชำระเงินได้ โดยลูกค้าจะต้องชำระพร้อมกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้ ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน และดอกเบี้ย ที่เกิดขึ้นจนถึงวันที่ลูกค้าได้ชำระคืนเงินต้นดังกล่าวข้างต้น
-
ลูกค้ายินยอมจ่ายดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน และค่าใช้จ่ายตามที่ได้จ่ายไปจริงและพอสมควรแก่เหตุ ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้
-
ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน
ดอกเบี้ย |
15.00% |
ต่อปี |
ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน |
0.00%-10.00% |
ต่อปี |
(บริษัทจะเป็นผู้กำหนดในเรื่องค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงินและแจ้งลูกค้าตามวิธีการที่บริษัทกำหนด)
-
ค่าใช้จ่ายที่จ่ายให้แก่หน่วยงานราชการ
2.1 ค่าอากรแสตมป์ 1 บาทต่อทุกๆ วงเงินที่อนุมัติ 2,000 บาท และ 1 บาท สำหรับเศษของ 2,000 บาท
-
ค่าใช้จ่ายที่จ่ายให้แก่หน่วยงานภายนอก หรือบุคคลอื่น
3.1 ค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการชำระเงิน* |
ชำระที่เคาน์เตอร์ของธนาคาร |
15-35 บาท/ครั้ง |
ชำระที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส |
15-25 บาท/ครั้ง |
ชำระที่ทำการไปรษณีย์ไทยและเคาน์เตอร์ที่มีสัญลักษณ์ PAY AT POST |
15 บาท/ครั้ง |
ชำระโดยหักบัญชีธนาคาร |
10-30 บาท/ครั้ง |
ชำระผ่านเครื่อง ATM |
10-30 บาท/ครั้ง |
ชำระผ่านระบบโทรศัพท์อัตโนมัติ |
10-30 บาท/ครั้ง |
ชำระผ่านระบบอินเตอร์เน็ต |
10-30 บาท/ครั้ง |
ชำระผ่านระบบ Mobile Banking |
10-30 บาท/ครั้ง |
3.2 ค่าธรรมเนียมในการตรวจสอบข้อมูลเครดิต
(กรณีลูกค้าสมัครใหม่และเปลี่ยนสัญญา)
|
ผลการตรวจสอบข้อมูลเครดิต ปรากฏข้อมูลสืบค้นหรือข้อมูลบัญชีอันใดอันหนึ่ง |
12 บาท/ครั้ง |
ผลการตรวจสอบข้อมูลเครดิต ไม่ปรากฏทั้งข้อมูลสืบค้นและข้อมูลบัญชี |
5 บาท/ครั้ง |
(ในกรณีที่ผลการอนุมัติไม่ผ่านจะไม่จัดเก็บเงินค่าธรรมเนียมตรวจสอบข้อมูลเครดิต)
3.3 ค่าใช้จ่ายในกรณีเงินในบัญชีไม่พอจ่าย |
ไม่มี |
(กรณีชำระหนี้โดยการหักบัญชีกับสถาบันการเงินอื่น)
3.4 ค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้ |
ในช่วงที่ลูกค้ามีการค้างชำระ หากบริษัทมีการแจ้งติดตามทวงถามหนี้ จะเกิดค่าติดตาม ทวงถามหนี้ดังต่อไปนี้ และค่าติดตามทวงถามหนี้ที่เกิดขึ้นในช่วงที่มีการค้างชำระ จะคำนวณ รวมไปในยอดเรียกชำระของเดือนถัดไปหลังจากที่พ้นสถานะค้างชำระแล้ว
・ค้างชำระตั้งแต่วันที่ 1 จนถึงวันที่ 30 คิดเป็นจำนวน 50 บาท
・ค้างชำระเกิน 30 วัน คิดเพิ่ม 100 บาท และตั้งแต่นั้นเป็นต้นไปจะคิดเพิ่มอีก 100 บาททุกๆ 30 วัน
・กรณีที่ค่างวดหรือยอดเรียกชำระในแต่ละเดือน ไม่เกิน 1,000 บาท จะไม่เกิดค่าติดตามทวงถามหนี้
|
หมายเหตุ: -* ค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการชำระเงิน ตามข้อ 3.1 หน่วยงานภายนอกนั้นๆจะเป็นผู้กำหนดและค่าธรรมเนียมดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามที่เรียกเก็บจริงโดยผู้ให้บริการรับชำระเงิน
-
ค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนในการดำเนินงานของบริษัท
4.1 ค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้ |
ในช่วงที่ลูกค้ามีการค้างชำระ หากบริษัทมีการแจ้งติดตามทวงถามหนี้ จะเกิดค่าติดตาม ทวงถามหนี้ดังต่อไปนี้ และค่าติดตามทวงถามหนี้ที่เกิดขึ้นในช่วงที่มีการค้างชำระ จะคำนวณรวมไปในยอดเรียกชำระของเดือนถัดไปหลังจากที่พ้นสถานะค้างชำระแล้ว
・ค้างชำระตั้งแต่วันที่ 1 จนถึงวันที่ 30 คิดเป็นจำนวน 50 บาท
・ค้างชำระเกิน 30 วัน คิดเพิ่ม 100 บาท และตั้งแต่นั้นเป็นต้นไปจะคิดเพิ่มอีก 100 บาททุกๆ 30 วัน
・กรณีที่ค่างวดหรือยอดเรียกชำระในแต่ละเดือน ไม่เกิน 1,000 บาท จะไม่เกิดค่าติดตามทวงถามหนี้
|
4.2 ค่าขอใบแจ้งหนี้ยอดบัญชีของแต่ละงวด |
ไม่มี |
(ชุดที่ 2 เป็นต้นไป) |
4.3 ค่าขอตรวจสอบรายการ |
ไม่มี |
-
ลูกค้าจะสูญเสียประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาทันที โดยไม่ต้องได้รับคำบอกกล่าวจากบริษัท เมื่อมีเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งดังต่อไปนี้เกิดขึ้นแก่ลูกค้า และบริษัทสามารถเรียกให้ลูกค้าชำระเงินทั้งหมดได้โดยพลัน
(ก) ลูกค้าถูกศาลสั่งให้เป็นบุคคลไร้ความสามารถ ถูกศาลสั่งให้ทรัพย์สินของลูกค้าอยู่ภายใต้การจัดการของศาล หรือศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินอยู่ภายใต้การดูแลควบคุมของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
(ข) เมื่อลูกค้าถึงแก่ความตาย
(ค) เมื่อลูกค้าถูกบังคับคดี ถูกยึดหรืออายัดทรัพย์ หรือยอมให้ถูกยึดหรืออายัดตามกฎหมายหรือคำพิพากษา
-
ถ้ามีเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งดังต่อไปนี้เกิดขึ้นแก่ลูกค้า บริษัทจะถือว่าเป็นเหตุผิดสัญญา ซึ่งบริษัทจะบอกกล่าวลูกค้าเป็นหนังสือ เพื่อแก้ไขเหตุผิดสัญญาดังกล่าวภายในระยะเวลาอันสมควร
(ก) เมื่อลูกค้าไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขแห่งสัญญาฉบับนี้
(ข) เมื่อลูกค้าให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ หรือมอบเอกสารหลักฐานใดๆ ที่มีข้อความอันเป็นเท็จ หรือเป็นเอกสารปลอมแก่บริษัท
(ค) เมื่อลูกค้าไม่ชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วนของหนี้งวดใดงวดหนึ่งให้ถูกต้องครบถ้วนตามเงื่อนไขของสัญญาฉบับนี้
ลูกค้าจะสูญเสียประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาทันที หากลูกค้าไม่แก้ไขเหตุแห่งการผิดสัญญาภายในเวลาที่กำหนดไว้ในคำบอกกล่าว บริษัทมีสิทธิที่จะเรียกให้ลูกค้าชำระหนี้ทั้งหมดที่ยังคงค้างชำระให้แก่บริษัทได้ทันที
อย่างไรก็ตามกรณีที่บริษัทได้รับหนังสือยินยอมให้หักบัญชีเงินฝากธนาคารแล้ว ลูกค้ายินยอมให้บริษัทหักเงินจากบัญชีดังกล่าวได้เต็มจำนวนของยอดหนี้ที่ค้างชำระ
-
บรรดาคำบอกกล่าวที่บริษัทต้องจัดทำขึ้นเป็นหนังสือตามกฎหมายหรือข้อกำหนดนี้ บริษัทจะดำเนินการจัดส่งคำบอกกล่าวนั้นทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปยังที่อยู่ลูกค้าที่ได้ระบุในใบสมัคร/หนังสือสัญญาฉบับนี้ หรือที่อยู่ที่ได้มีการแจ้งครั้งหลังสุด โดยให้ถือว่าเป็นการจัดส่งให้ลูกค้าโดยชอบด้วยกฎหมายและให้ถือว่าลูกค้าได้รับทราบแล้ว ลูกค้าจะต้องแจ้งบริษัทถึงการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ รายละเอียดการติดต่อ สถานที่ทำงาน หรือข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า โดยจะแจ้งให้บริษัททราบถึงการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งภายใน 7 วัน นับจากวันที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงตามวีธีการที่บริษัทกำหนด ถ้าเอกสารที่บริษัทส่งให้แก่ลูกค้านั้นไม่ถึงลูกค้า หรือ ถึงลูกค้าล่าช้า เนื่องจากลูกค้าไม่แจ้งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวให้ถือว่าการจัดส่งดังกล่าวได้ไปถึงลูกค้าแล้วโดยชอบ ณ เวลาที่หนังสือบอกกล่าวนั้นควรไปถึง ถ้าหากบริษัทได้ส่งไปยังที่อยู่ ตามที่ลูกค้าแจ้งไว้ให้แก่บริษัท ทั้งนี้ไม่จำตัองคำนึงว่าจะถึงตัวลูกค้า หรือมีผู้ใดรับไว้หรือไม่ก็ตาม ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลถูกเปิดเผยแก่บุคคลที่สาม ด้วยเหตุผลนอกเหนือจากความรับผิดชอบของบริษัท เช่น ลูกค้าไม่แจ้งเปลี่ยนแปลงข้อมูล ความผิดพลาดในการส่งเอกสารของไปรษณีย์ เป็นต้น บริษัทจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น ลูกค้าอาจเรียกร้องให้บริษัทเปลี่ยนแปลงวันที่ถึงกำหนดชำระหนี้ในแต่ละเดือนได้โดยแจ้งให้บริษัททราบล่วงหน้า เมื่อวันที่จะได้รับเงินได้ของลูกค้ามีการเปลี่ยนแปลงไป
-
ไม่ว่าในระหว่างที่สัญญาฉบับนี้มีผลหรือไม่ และตลอดเวลาที่ลูกค้าเป็นลูกค้าของบริษัท ลูกค้ายินยอมให้บริษัทซึ่งเป็นสมาชิกของบริษัทข้อมูลเครดิตใช้เปิดเผย จัดส่ง และรับข้อมูลต่างๆ ของลูกค้าซึ่งเปิดเผยหรือให้แก่บริษัท หรือแก่สมาชิกและผู้ใช้บริการ และนิติบุคคลใดที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับข้อมูลเครดิต (ต่อไปนี้เรียกว่า “บริษัทข้อมูลเครดิต”) ทั้งที่ได้เปิดเผยโดยตรงต่อบริษัทและที่เป็นข้อมูลของลูกค้าที่บริษัทข้อมูลเครดิตได้รับจากสมาชิกและผู้ใช้บริการ รายอื่นเพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์สินเชื่อ การอนุมัติวงเงินและสินเชื่อ การทบทวนสินเชื่อ การต่ออายุสัญญาสินเชื่อ การบริหารและป้องกันความเสี่ยงตามคำสั่งของธนาคารแห่งประเทศไทยตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต หรือเพื่อวัตถุประสงค์ในทางกฎหมายและบริษัทข้อมูลเครดิตจะส่งต่อให้กับผู้ใช้บริการ ความยินยอมข้างต้น หมายความรวมถึง ลูกค้ายินยอมให้บริษัทนำข้อมูลของลูกค้าที่ได้รับจากบริษัทข้อมูลเครดิตเฉพาะส่วนที่ไม่สามารถระบุตัวตน เช่น ชื่อ นามสกุล เลขที่ประจำตัวบัตรประชาชน ไปใช้เป็นปัจจัยหนึ่งในการจัดทำแบบจำลองด้านเครดิต รวมทั้งอาจมอบหมายให้บุคคลภายนอกใดๆ ดำเนินการดังกล่าวแทนได้ ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิตซึ่งบริษัทอาจขอให้ลูกค้าลงนามให้ความยินยอมดังกล่าวในเอกสารแยกต่างหาก
นอกจากนั้นบริษัทอาจใช้ข้อมูลของลูกค้าในการเสนอบริการ/สินค้าที่บริษัทเห็นว่าเป็นประโยชน์แก่ลูกค้า โดยเมื่อได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากลูกค้าแยกต่างหากซึ่งลูกค้ามีสิทธิปฏิเสธการให้ความยินยอมดังกล่าว ทั้งนี้ลูกค้าจะไม่เรียกร้องค่าเสียหายหรือค่าทดแทนใดๆจากบริษัทที่เกิดจากการกระทำของบริษัทข้างต้น
-
บริษัทอาจเปลี่ยนแปลงแปลงอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน ค่าใช้จ่ายต่างๆ และวิธีการคิดเงินต้น อัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน และค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งได้ระบุไว้ในข้อกำหนดเป็นอัตราและวิธีการตามที่บริษัทเห็นสมควร การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวให้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของข้อกำหนด
โดยบริษัทจะปิดประกาศเผยแพร่รายละเอียดอัตราดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการและค่าธรรมเนียมใดๆและค่าใช้จ่ายตามที่ได้จ่ายไปจริงและพอสมควรแก่เหตุ เมื่อบริษัทออกประกาศหรือเปลี่ยนแปลงประกาศไว้ ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานทุกแห่ง ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดและบริษัทจะประกาศเผยแพร่ประกาศไว้ในเว็บไซต์ของบริษัทก่อนวันที่ประกาศนั้นจะมีผลใช้บังคับ
บริษัทจะทำการแจ้งลูกค้าเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน และค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ทำให้ลูกค้าเสียประโยชน์ โดยการบอกกล่าวลูกค้าเป็นหนังสือไม่น้อยกว่า 30 วัน ก่อนมีการเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ดีในกรณีเร่งด่วนบริษัทจะแจ้งการเปลี่ยนแปลงโดยการประกาศในหนังสือพิมพ์ภาษาไทยรายวันไม่น้อยกว่า 7 วันและจะส่งคำบอกกล่าวเป็นหนังสือให้แก่ลูกค้าในกรณีที่มีการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยให้อีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ ในกรณีที่บริษัทจะประกาศกำหนดหรือเปลี่ยนแปลงค่าใช้จ่ายตามที่ได้จ่ายไปจริงและพอสมควรแก่เหตุ ตามข้อ 7.2 ถึง 7.4 รวมทั้งเงื่อนไขที่เกี่ยวเนื่องกับค่าใช้จ่ายซึ่งทำให้ลูกค้าเสียประโยชน์ ลูกค้าตกลงตามอัตราที่เปลี่ยนแปลงดังกล่าว เมื่อบริษัทได้ทำการแจ้งเรื่องการเปลี่ยนแปลงอัตราค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามที่ได้จ่ายไปจริงและพอสมควรแก่เหตุดังกล่าว โดยการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่ลูกค้าเป็นหนังสือไม่น้อยกว่า 30 วัน ก่อนการเปลี่ยนแปลงมีผลใช้บังคับหรือระยะเวลาใดๆที่กฎหมายอาจกำหนดเปลี่ยนแปลง รวมทั้ง บริษัทได้ประกาศเผยแพร่ประกาศการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานทุกแห่ง และในเว็บไซต์ของบริษัทเพื่อให้ลูกค้าทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน หรือระยะเวลาใดๆที่กฎหมายอาจกำหนดเปลี่ยนแปลง ก่อนวันที่ประกาศนั้นจะมีผลใช้บังคับแล้วเท่านั้น
-
ในกรณีที่บริษัทผ่อนผันการชำระหนี้หรือการปฏิบัติตามข้อกำหนดให้แก่ลูกค้า ไม่ถือว่าเป็นการสละสิทธิหรือเสียสิทธิอย่างใดๆของลูกค้าภายใต้สัญญาฉบับนี้
-
คำขอสินเชื่อ ใบสมัครและสัญญาสินเชื่อหมุนเวียนทั่วไป หนังสือยินยอมเปิดเผยข้อมูลที่ลูกค้าได้ลงนาม ประกาศอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม รวมทั้งที่บริษัทอาจประกาศกำหนดหรือเปลี่ยนแปลงในภายหลัง ถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาฉบับนี้ ในกรณีที่ข้อความใดข้อความหนึ่ง หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของสัญญาฉบับนี้กลายเป็นข้อความที่เป็นโมฆะ ขัดกับกฎหมาย ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่สมบูรณ์ หรือใช้บังคับมิได้ในประการใดๆ ตามกฎหมาย ให้ส่วนอื่นๆของสัญญาฉบับนี้ยังคงมีผลสมบูรณ์ และใช้บังคับได้ตามกฎหมายและไม่เสี่อมเสียไปเพราะความเป็นโมฆะ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่สมบูรณ์ หรือใช้บังคับมิได้ของข้อความดังกล่าวนั้น และให้สัญญาฉบับนี้อยู่ภายใต้บังคับและตีความตามกฎหมายไทย
-
บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดของลูกค้าที่ให้ไว้หรือมีอยู่กับบริษัท หรือข้อมูลที่ได้รับมาจากบุคคลอื่นตามช่องทางที่ท่านได้ให้ไว้ ในขั้นตอนการสมัครหรือในระหว่างการทำธุรกรรม ไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทแจ้งไว้เท่านั้น โดยจะเก็บเป็นเวลา 15 ปี นับจากวันสิ้นสุดสัญญา สำหรับ Voice log / IP Address จะทำการจัดเก็บเป็นระยะเวลา 6 เดือน และ Cookies จะทำการจัดเก็บเป็นเวลา 3 เดือน
-
บริษัทจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ภายในขอบเขตวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
(1) เพื่อใช้พิจารณาการสมัครสินเชื่อ, การใช้บริการอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น
(2) เพื่อใช้ยืนยันตัวตนตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือใช้ตรวจสอบคุณสมบัติ ฯลฯ ในการใช้งานผลิตภัณฑ์หรือการบริการทางการเงิน
(3) เพื่อใช้บริหารจัดการการทำธุรกรรมต่อเนื่อง เช่น จัดการวันกำหนดชำระของธุรกรรมสินเชื่อ เป็นต้น
(4) เพื่อส่งมอบข้อมูลแก่บุคคลที่สามภายในขอบเขตที่จำเป็นสำหรับการดำเนินงานอย่างเหมาะสม เช่น กรณีที่ต้องส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เป็นต้น
(5) เพื่อใช้ดำเนินงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเหมาะสม ในกรณีที่ได้รับมอบหมายงานเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมด หรือบางส่วนจากผู้ประกอบการอื่น
(6) เพื่อใช้สิทธิหรือปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาที่ได้ทำกับลูกค้า, กฎหมาย ฯลฯ
(7) เพื่อใช้ยกเลิกการทำธุรกรรมหรือใช้ในการจัดการหลังยกเลิกการทำธุรกรรม
(8) เพื่อให้ดำเนินธุรกรรมกับลูกค้าได้อย่างเหมาะสมและราบรื่น
(9) เพื่อใช้ในธุรกรรมอื่นๆ เช่น การโอนขายและค้ำประกันหนี้
-
บริษัทอาจโอนสิทธิเรียกร้องทั้งหมดหรือบางส่วนที่บริษัทมีภายใต้สัญญาฉบับนี้แก่บุคคลภายนอกและอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้แก่บุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็น ในกรณีดังกล่าวนี้บริษัทจะต้องบอกกล่าวลูกค้าเป็นหนังสือไม่น้อยกว่าหนึ่งงวดของการชำระเงินกู้หรือดอกเบี้ย ก่อนวันที่การโอนสิทธิเรียกร้องมีผลบังคับ
-
บริษัทอาจมอบหมายให้องค์กรภายนอกที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายดำเนินการแทนบริษัทได้ โดยบริษัทสามารถเปิดเผยข้อมูลของลูกค้าให้กับองค์กรภายนอกเหล่านั้นได้เท่าที่จำเป็นภายในวัตถุประสงค์ตามข้อกำหนดสัญญา ดังต่อไปนี้
・เพื่อการรับสมัคร การให้กู้ และการติดตามทวงถามหนี้กับลูกค้า
・เพื่อใช้พิมพ์เอกสารและจัดส่งไปให้ลูกค้า
・เพื่อการขนส่ง จัดเก็บ ทำลายเอกสารของลูกค้า
・เพื่อการพัฒนา การใช้ และการบำรุงรักษาระบบที่เกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูล
ของลูกค้า
ทั้งนี้ องค์กรภายนอกดังกล่าวนั้น หมายความรวมถึง บุคคลที่อยู่ในต่างประเทศ ซึ่งอาจไม่มีการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในระดับเดียวกับประเทศไทย
-
บริษัทอาจขอคัดสำเนาทะเบียนบ้านของลูกค้าจากหน่วยงานรัฐ เมื่อบริษัทเห็นว่ามีความจำเป็น อาทิเช่น เพื่อการติดตามทวงถาม เป็นต้น
-
ลูกค้าสามารถขอให้บริษัทเปิดเผย, แก้ไข, เพิ่มเติม, ลบ, หรือเพิกถอนข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับลูกค้าได้ โดยดำเนินการตามขั้นตอนที่บริษัทกำหนด ซึ่งขั้นตอนที่บริษัทกำหนด หมายถึง [การยื่นเอกสาร “หนังสือคำร้องสำหรับเจ้าของข้อมูล”] โดยสามารถรับเอกสารดังกล่าวได้ที่เว็บไซต์บริษัท(https://www.promise.co.th/)จุดให้บริการ, และทางไปรษณีย์ และในกรณีดังต่อไปนี้ บริษัทอาจจำเป็นต้องปฏิเสธคำร้องขอของลูกค้า เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายที่เกี่ยวข้อง
(1) กรณีที่ไม่สามารถแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนได้ว่าผู้ยื่นคำร้องเป็นเจ้าของข้อมูลหรือมีอำนาจในการยื่นคำร้องขอดังกล่าว
(2) คำร้องขอดังกล่าวไม่สมเหตุสมผล อาทิ กรณีที่ผู้ร้องขอไม่มีสิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล หรือไม่มีข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ที่บริษัท เป็นต้น
(3) คำร้องขอดังกล่าวเป็นคำร้องขอฟุ่มเฟือย อาทิ เป็นคำร้องขอที่มีลักษณะเดียวกัน หรือ มีเนื้อหาเดียวกันซ้ำๆ กันโดยไม่มีเหตุอันสมควร เป็นต้น
(4) บริษัทไม่สามารถให้ท่านเข้าถึงข้อมูล ทำสำเนา หรือ เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลได้เนื่องจากเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล และการปฏิบัติตามคำขอนั้นจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น อาทิ การเปิดเผยข้อมูลนั้นเป็นการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามด้วย หรือ เป็นการเปิดเผยทรัพย์สินทางปัญญา หรือ ความลับทางการค้าของบุคคลที่สาม
(5) ในกรณีที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือ กรณียกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย และกรณีที่มีการร้องขอให้เปิดเผย, แก้ไข, เพิ่มเติม, หรือลบเนื้อหาข้อมูลส่วนบุคคลที่รวบรวมมาได้ บริษัทจะดำเนินการให้อย่างรวดเร็ว
-
ช่องทางการติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO) มีดังนี้
[ที่อยู่ติดต่อ]159/19-20 อาคารเสริมมิตร ทาวเวอร์ ห้อง 1201 ชั้น 12 ถนนสุขุมวิท 21 (อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
[หมายเลขโทรศัพท์]02-036-9302
ข้อกำหนดและเงื่อนไขการให้สินเชื่อฉบับนี้ ทำขึ้นเป็นสองฉบับมีความถูกต้องตรงกันทุกประการ ผู้กู้ได้อ่านและเข้าใจในข้อกำหนดและเงื่อนไขฉบับนี้โดยตลอดแล้วเห็นว่าถูกต้องตรงตามเจตนาและความประสงค์ของผู้กู้ทุกประการผู้กู้จึงได้ลงลายมือชื่อไว้ในสัญญาฉบับนี้เพื่อเป็นหลักฐานสำคัญ