ขั้นตอนจดทะเบียนบริษัท พร้อมแชร์วิธีเริ่มต้นธุรกิจอย่างมืออาชีพ
การจดทะเบียนบริษัทคือก้าวสำคัญของผู้ประกอบการที่ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือและดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อธุรกิจเริ่มเติบโต การจดทะเบียนบริษัทไม่เพียงช่วยเสริมภาพลักษณ์ แต่ยังเป็นการลดภาระภาษีและสร้างโอกาสทางธุรกิจที่มากขึ้น
ทำความรู้จักกับการจดทะเบียนบริษัท
การจดทะเบียนบริษัทเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่ทำให้ธุรกิจมีสถานะเป็นนิติบุคคล แยกออกจากเจ้าของกิจการ ช่วยจำกัดความรับผิดชอบต่อหนี้สินของธุรกิจ ทำให้การบริหารงานเป็นระบบ และสร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น
ประเภทของการจดทะเบียนบริษัท
การจดทะเบียนบริษัทสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลักตามลักษณะของเจ้าของกิจการ ได้แก่ ทะเบียนพาณิชย์สำหรับบุคคลธรรมดา และทะเบียนนิติบุคคล โดยแต่ละประเภทมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน
ประเภททะเบียนพาณิชย์ (บุคคลธรรมดา)
ทะเบียนพาณิชย์เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่มีเจ้าของคนเดียว การบริหารงานทำได้อิสระและคล่องตัว ไม่ต้องจัดทำบัญชีที่ซับซ้อน แต่ต้องรับผิดชอบหนี้สินทั้งหมดด้วยตนเอง และเสียภาษีในอัตราก้าวหน้าที่อาจสูงถึง 35% เมื่อมีรายได้มาก
ประเภททะเบียนนิติบุคคล
ทะเบียนนิติบุคคลแบ่งเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนจำกัด และบริษัทจำกัด โดยเฉพาะบริษัทจำกัดที่เหมาะกับธุรกิจที่มีการเติบโต เสียภาษีเงินได้สูงสุดเพียง 20% และจำกัดความรับผิดชอบต่อหนี้สินเท่ากับทุนจดทะเบียน
9 ขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัทอย่างละเอียด
การจดทะเบียนบริษัทมีขั้นตอนที่ชัดเจน ไม่ซับซ้อนอย่างที่หลายคนคิด แต่ต้องเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง เพื่อให้การจดทะเบียนเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว
1. ศึกษาข้อมูลการจดทะเบียนบริษัท
ก่อนเริ่มต้นจดทะเบียนบริษัท ควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจถึงประเภทที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ เงื่อนไขทางกฎหมาย เอกสารที่ต้องใช้ และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมและวางแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. เตรียมเอกสารสำหรับการจดทะเบียนบริษัท
เอกสารสำคัญที่ต้องเตรียมให้พร้อมมีดังนี้
- แบบคำขอจดทะเบียนบริษัทจำกัด (บอจ.1)
- หนังสือบริคณห์สนธิ (บอจ.2) พร้อมอากรแสตมป์ 200 บาท
- รายการจดทะเบียนจัดตั้ง (บอจ.3)
- บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5)
- สำเนาบัตรประชาชนของผู้เริ่มก่อการและผู้ถือหุ้นทุกคน
3. ตั้งชื่อบริษัทสำหรับการจดทะเบียนและวิธีการจองชื่อบริษัท
การตั้งชื่อบริษัทมีหลักเกณฑ์สำคัญที่ต้องคำนึงถึง
- ชื่อไม่ซ้ำหรือคล้ายกับบริษัทที่มีอยู่แล้ว
- ไม่ใช้พระนามของพระมหากษัตริย์หรือพระบรมวงศานุวงศ์
- ไม่ใช้ชื่อที่สื่อถึงหน่วยงานราชการหรือองค์กรระหว่างประเทศ
- ดำเนินการจองชื่อผ่านระบบออนไลน์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
4. จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิและยื่นต่อนายทะเบียน
หนังสือบริคณห์สนธิแสดงรายละเอียดสำคัญของบริษัท ประกอบด้วย
- ชื่อบริษัทที่ได้จองไว้
- ที่ตั้งสำนักงานใหญ่และสาขา (ถ้ามี)
- วัตถุประสงค์ของบริษัท
- ทุนจดทะเบียนและมูลค่าหุ้น
- รายชื่อผู้เริ่มก่อการและพยาน
- ข้อบังคับของบริษัท (ถ้ามี)
5. เปิดการจองซื้อหุ้นของบริษัท และนัดประชุมผู้ถือหุ้นทั้งหมด
หลังจากจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ จะเปิดให้มีการจองซื้อหุ้นของบริษัท โดยผู้ซื้อหุ้นต้องชำระค่าหุ้นอย่างน้อย 25% ของมูลค่าหุ้นทั้งหมด จากนั้นจึงนัดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณากิจการของบริษัท
6. จัดประชุมบุคลากรที่ได้รับคัดเลือกในบริษัท
การประชุมจัดตั้งบริษัทมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทุกคนเข้าใจข้อมูลสำคัญตรงกัน เช่น กฎระเบียบ ข้อบังคับบริษัท การเลือกตั้งกรรมการ การแต่งตั้งผู้สอบบัญชี และค่าตอบแทนผู้ก่อตั้ง
7. จัดตั้งคณะกรรมการบริษัท
คณะกรรมการบริษัทมีหน้าที่ดำเนินการจัดเก็บค่าหุ้นและบริหารกิจการของบริษัท โดยต้องยื่นจดทะเบียนบริษัทภายใน 3 เดือนหลังจากการประชุมจัดตั้ง หากเลยกำหนดจะต้องจัดประชุมใหม่
8. ชำระเงินค่าธรรมเนียม
ค่าธรรมเนียมที่ต้องชำระในการจดทะเบียนบริษัทจำกัดมีดังนี้
- ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ 500 บาท
- ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนบริษัทจำกัด 5,000 บาท
- ค่าหนังสือรับรอง รายการละ 40 บาท
- ค่าใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน 100 บาท
- ค่าอากรแสตมป์ 200 บาท
9. รับใบสำคัญและหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท
เมื่อดำเนินการครบทุกขั้นตอนและได้รับการอนุมัติ คุณจะได้รับใบสำคัญและหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญทางกฎหมายที่แสดงว่าบริษัทของคุณได้ถูกจัดตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว
เริ่มต้นธุรกิจหลังจดทะเบียนบริษัท
เมื่อจดทะเบียนบริษัทเสร็จสิ้นแล้ว ยังมีขั้นตอนสำคัญที่ต้องดำเนินการเพื่อให้สามารถเริ่มดำเนินธุรกิจได้อย่างถูกต้องและครบถ้วนตามกฎหมาย
การขอเลขประจำตัวผู้เสียภาษี
หลังจากจดทะเบียนบริษัท คุณต้องนำหนังสือรับรองไปขอเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร 13 หลักจากกรมสรรพากร ซึ่งจะใช้ในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีและการทำธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ ของบริษัท
การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
หากบริษัทมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) กับกรมสรรพากร แต่หากมีรายได้ไม่ถึงสามารถสมัครเข้าระบบ VAT โดยสมัครใจได้ เพื่อขอคืนภาษีซื้อที่ได้จ่ายไป
การเปิดบัญชีธนาคารในนามบริษัท
การเปิดบัญชีธนาคารในนามบริษัทเป็นขั้นตอนสำคัญในการแยกการเงินส่วนตัวออกจากธุรกิจ โดยต้องนำหนังสือรับรองการจดทะเบียน ตราประทับบริษัท และเอกสารการประชุมที่ระบุผู้มีอำนาจลงนามไปติดต่อธนาคาร
ข้อควรระวังในการจดทะเบียนบริษัท
การจดทะเบียนบริษัทมีประเด็นสำคัญที่ควรระวัง ได้แก่
- ตรวจสอบวัตถุประสงค์ของบริษัทให้ครอบคลุมธุรกิจที่จะทำทั้งในปัจจุบันและอนาคต
- เลือกประเภทธุรกิจให้ตรงกับกิจการที่จะดำเนินการจริง
- ระมัดระวังการตั้งชื่อบริษัทให้ไม่ซ้ำหรือคล้ายคลึงกับชื่อที่มีอยู่แล้ว
- เตรียมเอกสารให้ครบถ้วนเพื่อหลีกเลี่ยงการล่าช้า
- ปฏิบัติตามหน้าที่ของนิติบุคคล เช่น การยื่นงบการเงินประจำปี
สรุปบทความการจดทะเบียนบริษัท
การจดทะเบียนบริษัทอาจดูเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่หากเข้าใจขั้นตอนและเตรียมเอกสารให้พร้อม ก็สามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่น การมีสถานะเป็นนิติบุคคลจะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างมั่นคงและน่าเชื่อถือ หากคุณยังคงเป็นพนักงานบริษัทที่กำลังมีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องใช้เงิน สินเชื่อส่วนบุคคลพรอมิสพร้อมสนับสนุนด้วยการอนุมัติทันใจใน 1 ชั่วโมง* วงเงินสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท* เพื่อช่วยให้คุณผ่านพ้นสถานการณ์เร่งด่วนได้ทันท่วงที แต่ต้องกู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหวเท่านั้น
กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
ดอกเบี้ย 15%-25% ต่อปี
*กรุณาศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ก่อนการสมัครที่ promise.co.th
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ และธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
*หากยื่นเอกสารครบถ้วนภายใน 18:00 น. และไม่มีเหตุขัดข้องด้านเอกสารหรือระบบ จะสามารถอนุมัติได้ภายใน 1 ชั่วโมง หรือภายในวันถัดไป