รวมทางออกรีไฟแนนซ์-รวมหนี้ให้ดอกเบี้ยต่ำลง
ในยุคที่ค่าครองชีพสูงขึ้นทุกวัน เงินเดือนเท่าเดิมแต่รายจ่ายมากขึ้น เป็นเรื่องปกติที่หลายคนจะมีหนี้สินติดตัว ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต หนี้ผ่อนของ หรือสินเชื่อเงินสด ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วอาจทำให้รู้สึกว่ารับภาระไม่ไหว หรือหมดเงินไปกับหนี้แทบทั้งเดือน
ถ้าคุณเป็นหนึ่งในคนที่รู้สึกแบบนี้ อย่าเพิ่งท้อใจครับ เพราะมี “ทางออก” ที่ช่วยให้คุณเบาใจได้ และยังเป็นวิธีที่คนจำนวนมากหันมาใช้กันมากขึ้น นั่นก็คือ การรีไฟแนนซ์ (Refinance) และ การรวมหนี้ (Debt Consolidation)
รีไฟแนนซ์คืออะไร?
รีไฟแนนซ์ คือ การย้ายหนี้จากเจ้าหนี้เดิมไปยังเจ้าหนี้ใหม่ที่ให้ดอกเบี้ยต่ำกว่า หรือเงื่อนไขที่ดีกว่า เช่น ผ่อนนานขึ้น ค่างวดต่อเดือนลดลง เพื่อให้ผู้กู้สามารถจัดการกับหนี้ได้ง่ายขึ้น และลดภาระทางการเงินโดยรวม
ตัวอย่างที่พบได้บ่อย เช่น การรีไฟแนนซ์บ้านจากธนาคารเดิมที่ดอกเบี้ยสูง ไปยังธนาคารใหม่ที่เสนอโปรดอกเบี้ยพิเศษสำหรับ 3 ปีแรก หรือการรีไฟแนนซ์สินเชื่อส่วนบุคคลที่ดอกเบี้ย 18% ไปสู่เจ้าใหม่ที่ให้เพียง 9.99%
รวมหนี้คืออะไร?
รวมหนี้ คือ การนำหนี้หลายก้อนมารวมไว้เป็นก้อนเดียว เช่น หนี้บัตรเครดิต 3 ใบ + หนี้เงินสด 1 ก้อน รวมมาไว้ในสินเชื่อเดียว ผ่อนกับสถาบันการเงินเพียงแห่งเดียว
จุดประสงค์หลักของการรวมหนี้ คือ
- ลดดอกเบี้ยจากหลายเจ้า
- ลดความยุ่งยากในการชำระหนี้
- วางแผนการผ่อนจ่ายได้ง่ายขึ้น
บางครั้งผู้ให้บริการเรียกการรวมหนี้นี้ว่า “สินเชื่อเพื่อปิดบัตร” หรือ “สินเชื่อเพื่อรวมหนี้บัตรเครดิต”
แล้วใครควรใช้วิธีรวมหนี้ – รีไฟแนนซ์?
หากมีอาการเหล่านี้ ลองพิจารณารีไฟแนนซ์หรือรวมหนี้
- มีหนี้หลายก้อน หลายเจ้า
- ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายรวมกันสูงมาก
- เริ่มจ่ายขั้นต่ำในแต่ละเดือน เพราะเงินไม่พอ
- จ่ายหนี้แล้วไม่เห็นยอดลด
- ต้องการวางแผนการเงินให้มีเป้าหมายที่ชัดเจนขึ้น
ประโยชน์ที่จะได้รับจากการรวมหนี้ – รีไฟแนนซ์
1. ดอกเบี้ยลดลงทันที
ถ้าคุณกำลังจ่ายดอกเบี้ยบัตรเครดิต 18–20% แล้วเปลี่ยนมาใช้สินเชื่อที่ดอกเบี้ย 9–12% ก็เหมือนได้ลดดอกทันทีครึ่งหนึ่ง
2. ค่างวดรายเดือนลดลง
การขยายระยะเวลาผ่อน หรือรวมยอดหนี้มาเป็นก้อนเดียว จะช่วยให้ค่างวดรายเดือนต่ำลง เหลือเงินใช้จ่ายได้มากขึ้น
3. ผ่อนรายเดียว ไม่สับสน
ไม่ต้องคอยจำว่าวันไหนจ่ายหนี้เจ้าไหน แค่ผ่อนกับรายเดียวก็จบ ลดความเสี่ยงลืมจ่ายหรือผิดนัด
4. วางแผนได้ง่ายขึ้น
คุณจะเห็นเป้าหมายชัดขึ้น เช่น รู้ว่ายอดหนี้ทั้งหมดคือเท่าไร ต้องผ่อนเดือนละเท่าไร และจะหมดภายในกี่เดือน
ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจก่อนรวมหนี้ – รีไฟแนนซ์
แม้ว่าการรีไฟแนนซ์หรือรวมหนี้จะดูเหมือนทางลัดที่ดี แต่ก็ควรพิจารณาให้รอบคอบ
- ต้องมีประวัติเครดิตที่ดีพอสมควร
- หากเคยผิดนัดจ่ายบ่อย หรือสถานะในเครดิตบูโรไม่ดี อาจยากในการอนุมัติ
- อย่าลืมเช็กค่าใช้จ่ายแฝง เช่น ค่าธรรมเนียมการปิดหนี้เก่า ค่าดำเนินการ ค่าประเมิน หรือประกัน
- อย่ากลับไปก่อหนี้ใหม่
- ถ้ารวมหนี้เรียบร้อยแล้ว แล้วกลับไปรูดบัตรเต็มวงเงินอีก ก็จะยิ่งแย่กว่าเดิม
อยากรวมหนี้ – รีไฟแนนซ์ ต้องเริ่มยังไง?
- ตรวจสอบยอดหนี้ทั้งหมดที่คุณมี
- รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น สลิปเงินเดือน สเตทเมนต์
- เปรียบเทียบข้อเสนอจากผู้ให้บริการสินเชื่อหลายแห่ง
- ยื่นขอสินเชื่อที่เหมาะสมกับสถานะทางการเงินของคุณ
สรุปการรวมหนี้ – รีไฟแนนซ์
การรีไฟแนนซ์และรวมหนี้คือเครื่องมือทางการเงินที่ดี ถ้าใช้ให้ถูกเวลาและถูกวิธี ไม่ใช่แค่ช่วยลดภาระในแต่ละเดือน แต่ยังช่วยให้เราวางแผนอนาคตได้ชัดขึ้น
ถ้ารู้สึกว่าหนี้เริ่มทำให้ชีวิตติดขัด ลองเริ่มต้นวางแผนใหม่ด้วยการตรวจสอบยอดหนี้ ปรึกษาผู้ให้บริการ และเลือกทางที่เหมาะกับคุณที่สุด แล้จะพบว่า “การปลดหนี้” ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด