สาเหตุหุ้นตกวันนี้ รู้ทันทำไมหุ้นตกและวิธีรับมือ
วันนี้หุ้นตกอีกแล้ว! นักลงทุนหน้าใหม่หลายๆ คนอาจเอามือก่ายหน้าผากทุกครั้งเวลาเห็นหุ้นที่ตัวเองซื้อไว้ติดตัวแดง นั่นหมายความว่าราคาหุ้นตกลง แต่อาจจะยังไม่เข้าใจสาเหตุหุ้นตกวันนี้ว่าเกิดจากอะไรได้บ้าง ราคาหุ้นก็เหมือนราคาของที่ขึ้นลงตามอุปสงค์และอุปทาน เมื่อคนอยากขายมากกว่าซื้อ ราคาก็จะลดลง แต่ปัจจัยเบื้องหลังอุปสงค์นั้นคืออะไร สินเชื่อพรอมิสวันนี้จะพาไปทำความเข้าใจสาเหตุว่าทำไมหุ้นตกและจะรับมืออย่างไรดี
เปิด 8 สาเหตุหุ้นตกวันนี้ รู้ทันเหตุผลหลักทำไมหุ้นตก
ปัจจัยว่าทำไมหุ้นตกอาจเกิดจากทั้งตัวกิจการเอง หรืออาจจะเกิดจากปัจจัยภายนอกของตลาดรวมทั้งสภาพเศรษฐกิจ สินเชื่อพรอมิสได้รวมรวม 8 สาเหตุหุ้นตกวันนี้ ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญๆ ในบรรดาเหตุผลที่กระทบต่อราคาหุ้น
1. ผลประกอบการและสถานะทางการเงินไม่ดี
ผลประกอบการและสถานะทางการเงินถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่กระทบต่อราคาหุ้น แน่นอนว่าหากประกาศผลการดำเนินงานแล้วรายได้หรือกำไรต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ หรือสถานะทางการเงินไม่มั่นคง ก็ทำให้ส่งผลต่อความเชื่อถือของนักลงทุน อาจจะตัดสินใจขายหุ้นออกไปได้
2. ข่าวคราวเกี่ยวกับกิจการในแง่ลบ
เวลาเราติดตามข่าวหุ้น เราก็อาจจะได้ยินข่าวคราวในแง่ลบของกิจการได้บ้าง สิ่งนี้กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน เช่น บริษัทโดนฟ้องเรียกค่าเสียหาย ผู้บริหารทำผิดกฎหมาย สินค้า-บริการไม่ได้มาตรฐาน การถอดถอนผู้บริหาร ฯลฯ สิ่งนี้ก็กระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนเช่นเดียวกัน ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นตกลง
3. การเทขายหุ้นของนักลงทุนรายใหญ่
หากนักลงทุนรายใหญ่หรือสถาบันเทขายหุ้นล็อตใหญ่ซึ่งอาจเกิดจากความไม่เชื่อมั่นในหุ้นตัวนั้น หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ก็จะทำให้อุปทานหุ้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ในขณะที่อุปสงค์ไม่ได้เพิ่มขึ้น ราคาก็จะตกลงตามกฎของอุปสงค์และอุปทาน
4. ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
นอกจากปัจจัยที่เกิดจากหุ้นรายตัว ปัจจัยระดับมหภาคอย่างภาวะเศรษฐกิจก็นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญ ในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย ทั้งผู้บริโภคเองทั้งภาคธุรกิจก็จะใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ลงทุนอย่างระมัดระวัง ส่งผลให้รายได้และกำไรและผลประกอบการของธุรกิจหดตัวลง ส่งผลต่อราคาหุ้นของธุรกิจนั้นๆ
5. ภาวะเงินเฟ้อสูง
ภาวะเงินเฟ้อที่สูงจนเกินไปจะส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง รวมไปถึงส่งผลต่อต้นทุนที่สูงขึ้นของธุรกิจอีกด้วย สิ่งนี้จะยังทำให้ภาคธุรกิจขายของได้ยากขึ้น ทำกำไรได้น้อยลง เมื่อเกิดภาวะเงินเฟ้อธนาคารกลางก็มักใช้นโยบายการเงินอย่างการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อนำเงินออกจากระบบ ซึ่งก็จะส่งผลลบต่อตลาดหุ้น
6. การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย
อย่างที่กล่าวไปในข้อก่อนหน้านี้ เมื่อธนาคารกลางเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ก็จะทำให้การลงทุนในหุ้นน่าสนใจน้อยลง เพราะมีทางเลือกที่อาจให้ผลตอบแทนที่ดีในขณะที่ความเสี่ยงต่ำกว่าอย่างเช่นพันธบัตร สิ่งนี้ก็จะทำให้อุปสงค์ของหุ้นต่ำลง ทำให้ราคาตกลงได้เช่นกัน
7. ความไม่แน่นอนทางการเมืองและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
การที่การเมืองไม่แน่นอน หรือเกิดความขัดแย้งขึ้นบนโลกนี้ก็ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นได้เช่นกัน เนื่องจากหากเกิดความไม่สงบทางการเมือง สงคราม ซึ่งรวมไปถึงสงครามทางการค้า นักลงทุนก็จะรู้สึกไม่แน่นอนในการลงทุน และตัดสินใจขายหุ้นออกไปก่อนได้
8. ภัยธรรมชาติและวิกฤติระดับโลก
ข้อนี้เราเห็นได้ชัดในช่วงที่เกิดวิกฤติโรคระบาดอย่างโควิด-19 ในตอนนั้นดัชนีหุ้นทั่วโลกตกลงอย่างหนัก เนื่องจากเมื่อเกิดโรคระบาดเดินทางไม่ได้ ก็จะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain) ทั่วโลก หรือเวลาเกิดภัยธรรมชาติก็สร้างความเสียหายให้แก่ธุรกิจ และส่งผลลบต่อตลาดหุ้นด้วย
การรับมือเมื่อหุ้นตก นักลงทุนควรทำอย่างไร
เมื่อทราบแล้วว่าทำไมหุ้นตก นักลงทุนมือใหม่ก็อาจจะมีความกังวลไปตามๆ กัน สินเชื่อพรอมิสจึงขอแนะนำสิ่งที่เราควรทำเมื่อหุ้นตก ดังนี้
- วางแผนตั้งแต่แรกว่าจะ Action อย่างไร เมื่อใด : กลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการลงทุนไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนสายไหนก็ตามคือ รู้ว่าต้องซื้อเมื่อไหร่และขายเมื่อไหร่ เช่น นักลงทุนสาย Technical จะซื้อเมื่อมีสัญญาณซื้อ และขายเมื่อมีสัญญาณขาย ส่วนนักลงทุนสายเน้นคุณค่าซื้อเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่าประเมินถึงระดับนึง และขายเมื่อราคาสูงกว่ามูลค่าประเมินระดับนึง หรือขายเมื่อคุณภาพธุรกิจไม่เหมือนเดิม
- อย่าตื่นตระหนกและอย่าตัดสินใจตามอารมณ์ : หุ้นตกเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติ และมีโอกาสที่จะกลับมาขึ้นได้อีก อย่าใช้อารมณ์ตัดสินใจในการซื้อขายหุ้น แต่ให้ยึดแผนการลงทุนและเป้าหมายที่เราตั้งไว้ และตรวจสอบตามกลยุทธ์ของตัวเอง เช่น นักลงทุนสาย Technical จะดูว่ามีสัญญาณขายหรือยัง ส่วนนักลงทุนสายเน้นคุณค่าจะตรวจสอบคุณภาพธุรกิจ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกระทบกับคุณภาพธุรกิจหรือไม่ ถ้ากระทบกระทบแค่ไหนและประเมินมูลค่าใหม่ ถ้ากระทบเล็กน้อยหรือไม่กระทบเลย ก็อาจจะซื้อเพิ่ม แต่ถ้ากระทบมากก็อาจจะต้องขาย
- ทบทวนเป้าหมายการลงทุนและความเสี่ยงที่รับไหว : หากเป้าหมายการลงทุนของเราเป็นระยะยาวแล้ว หากหุ้นตกเพียงช่วงเวลาหนึ่งอาจไม่ได้ทำให้เราต้องวิตกมาก ลองประเมินความเสี่ยงที่ตัวเองรับไหวและพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนปรับแผนการลงทุน ทั้งนี้หากเรามีเงินสำรองฉุกเฉินอยู่ อาจจะทำให้เราสบายใจได้มากขึ้น ไม่จำเป็นต้องรีบขายหุ้นที่ราคาขาดทุน
- พิจารณาโอกาสในการลงทุนอย่างมีกลยุทธ์ : หากใครที่ลงทุนแบบ DCA (Dollar-Cost Averaging) ที่ทยอยลงทุนเท่ากันทุกเดือนอยู่แล้ว ช่วงนี้ก็เป็นโอกาสที่ได้จำนวนหุ้นมากขึ้นด้วยจำนวนเงินลงทุนเท่าเดิม หรือหากใครมีเงินก้อนและวิเคราะห์แล้วว่าหุ้นลงเพียงชั่วคราว ก็เป็นโอกาสที่เราจะช้อนซื้อหุ้นในช่วงที่ราคาถูกลง
- ปรับสมดุลพอร์ตการลงทุน : พิจารณาทางเลือกการลงทุนอื่นๆ ที่อาจจะมีความเสี่ยงน้อยกว่า หรือพิจารณาหุ้นตัวอื่นๆ เช่น หุ้นเชิงรับที่มีพื้นฐานดี และได้รับผลกระทบน้อยกว่าในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว
สรุปบทความสาเหตุหุ้นตกวันนี้
สาเหตุหุ้นตกวันนี้อาจเกิดจากหลายปัจจัยทั้งตัวกิจการเองและสภาพเศรษฐกิจหรือสถานการณ์ภายนอก ซึ่งนอกจาก 8 ปัจจัยที่แนะนำไปก็อาจจะมีสาเหตุอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ สิ่งสำคัญคือเมื่อเรารู้ว่าทำไมหุ้นตก เราต้องเรียนรู้วิธีรับมือให้เราไม่ตื่นตระหนกและตัดสินใจในการลงทุนอย่างเหมาะสม